บทสรุปฟุตบอลโลก 2022 ที่ถูกวิจารณ์มากที่สุดและน่าประทับใจที่สุด
บทสรุปฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์เป็นฟุตบอลโลกครั้งที่ 22 และเป็นฟุตบอลโลกที่ถูกจัดในช่วงฤดูหนาวเป็นกลางฤดูกาลการแข่งขันของระดับสโมสรทั้งภายในประเทศ และในระดับทวีปที่เปลี่ยนทำเนียมปฏิบัติของฟีฟ่าที่มีมหกรรมฟุตบอลโลก ที่มักทำการแข่งขันช่วงสิ้นสุดฤดูกาลของการแข่งขันระดับสโมสร เป็นคล้ายช่วงซัมเมอร์ที่คุ้นเคยของการแข่งขันฟุตบอลโลกโดยอากาศในประเทศกาตาร์ที่มีสภาพอากาศที่ร้อนจัด ร้อนจนถึงอุณหภูมิสูงสุดเกือบ 50 องศาเซลเซียส ซึ่งไม่เหมาะที่จะสามารถทำการแข่งขันได้
จึงเป็นที่มาของการมาทำการแข่งขันช่วงกลางฤดูกาลแบบนี้ ด้วยจุดประสงค์ที่ฟีฟ่า มีปรัชญาของการจัดฟุตบอลโลก ที่อยากจะให้ฟุตบอลเป็นตัวเชื่อมคนทั้งโลกเข้าด้วยกัน และเรียนรู้วัฒนธรรมของชาตินั้นๆ แต่ต้องยอมรับว่า นี้เป็นฟุตบอลโลกที่เต็มไปคำวิพากษ์วิจารณ์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของ สิทธิมนุษยชน เรื่องแรงงานที่เสียชีวิตในการสร้างสนามฟุตบอล และทางเจ้าภาพก็ปฏิเสธตัวเลขจำนวนผู้เสียชีวิต และภายหลังจึงออกมายอมรับว่ามีผู้เสียชีวิตจริง และด้วนกาตาร์ เป็นประเทศที่นับถือศาสนามุสลิม นั้นหมายความว่า กฎเหล็กของพวกเขา คือ สุราแอลกอฮอล์ไม่สามารถเดินดื่มกันแบบเสรีตามท้องถนน ทำให้สปอนเซอร์หลักอย่าง บัดไวเซอร์ ที่ทำข้อตกลงของฟีฟ่าไม่สสามารถจำหน่ายแบบเปิดในพื้นที่ทั่วไปได้ ทำให้สปอนเซอร์อย่างบัดไวเซอร์ เจรจาขอแก้ไขข้อตกลงใหม่ และรวมไปถึงประเด็นร้อนยิบย่อยมากมาย สุภาพสตรีต้องแต่งตัวให้มิดชิด ทำให้ภาพสีสันการเชียร์ฟุตบอลโลกในปีนี้เราจะไม่ได้เห็นอย่างแน่นอน รวมไปถึงด้วยเป็นรัฐอิสลาม กลุ่ม LGBTGQ+ งดการแสดงออกทั้งการสวมอุปกรณ์แต่งกายและการเชียร์ที่เป็นสีรุ้ง และอาจไม่รับรองความปลอดภัย จึงตกเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ทำให้ชาติที่เข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลโลกในครั้งนี้ จะเป็นทางฝั่งทีมดังในยุโรป ที่แสดงออกถึงความไม่เห็นด้วย เป็นทีมชาติเดนมาร์ก ที่ออกแบบชุดแข่งที่พยายามลดสีของโลโก้ของทีมชาติลงเพื่อเป็นการแสดงออกถึงการประท้วงเพื่อสิทธิมนุษยชนต่อแรงงานที่เสียชีวิตจาการสร้างสนามในฟุตบอลโลกครั้งนี้ รวมไปถึงการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ของ ทีมชาติอังกฤษ เนเธอร์แลนด์ และ เยอรมนี ที่พยายามจะสวมปลอกแขน “วันเลิฟ”ลงสนามก่อนถูกห้ามและคู่จะลงโทษกัปตันทีมที่สวมปลอกแขนลง โดยมองว่าเป็นการแสดงออกในเรื่องทางการเมืองมากกว่าเรื่องการแข่งขันในสนาม แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถหยุดยั้งอินทรีเหล็กเยอรมนีได้ หลังการถ่ายภาพทีมการลงทำการแข่งขันกับทีมชาติญี่ปุ่นในรอบแบ่งกลุ่ม ที่แสดงออกด้วยการเอามือปิดปาก ถ่ายภาพทีมทั้ง 11 ผู้เล่น ซึ่งจะเป็นภาพที่อยู่ในความทรงจำในประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลกต่อไปอย่างแน่นอน
สุดท้าย บทสรุปฟุตบอลโลก 2022 ก็สามารถดำเนินจัดการแข่งขันต่อไปได้แม้จะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์อยู่เป็นระยะก็ตาม เจ้าภาพที่ไม่เคยไปฟุตบอลโลก ตกรอบแรกอย่างรวดเร็วเป็นชาติที่สองในประวัติศาสตร์ต่อจากทีมชาติแอฟริกาใต้เมื่อปี 2010 รวมไปถึงจำนวนผู้ชมที่เขารับชมเกมส์น้อยกว่าความจุที่กำหนดไว้ สะท้อนได้จากภาพการถ่ายทอดสดในการแข่งขัน
ฟุตบอลโลกหนนี้มีเรื่องแมตช์การแข่งขันพลิกล็อกช็อคโลกอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเกมส์ ซาอุดีอาระเบียเอาชนะอาร์เจนติน่าไปได้ทั้งที่ออกนำไปก่อน และพลพรรคซามูไรบลู ทีมชาติญี่ปุ่น ยอดทีมจากทวีปเอเชียที่ สร้างเซอร์ไพรส์ในการเอาชนะทั้งยอดทีมดังในชาติยุโรปมากมายทั้ง เกมส์เอาชนะอินทรีเหล็กเยอรมนี เอาชนะทีมชาติสเปนได้ ในรอบแบ่งกลุ่มที่อยู่ร่วมสายกัน อีกทีมหนึ่งอย่าง ทีมโสมขาว เกาหลีใต้ก็สร้างเซอร์ไพรส์เอาชนะทีมชาติโปรตุเกสในนัดสุดท้าย ทั้งที่ก่อนเริ่มแข่งขัน ทีมตกเป็นรอบแบ่งกลุ่ม ทั้งทีมชาติกาน่า และ ทีมชาติอุรุกวัย ทำให้เกมส์ที่พวกเขาเอาชนะทีมชาติโปรตุเกสจึงส่งทั้งกาน่า และอุรุกวัยตกรอบและโบกมือลาฟุตบอลโลกหนนี้อย่างเจ็บปวด ทั้งที่ในนัดสุดท้ายทีมชาติอุรุกวัยจะเอาชนะทีมชาติกาน่าได้ ด้วยสกอร์ 2 – 0 ก็ตาม
เข้าสู่รอบน็อคเอาท์ ก็ยังเป็นเกมส์ฟุตบอลโลกที่สนุกอยู่ดี หลังจากการพบกันของทั้งชาติมหาอำนาจลูกหนัง ทีมชาติ เนเธอร์แลนด์พบ ทีมชาติอาร์เจนติน่า ทีมชาติอังกฤษพบทีมชาติฝรั่งเศส และเต็งแชมป์ฟุตบอลโลกทีมที่ได้แชมป์ฟุตบอลโลกอย่าง บราซิล พบทีมชาติโครเอเชีย ครบ90 นาที ย่อมมีทีมที่ดีที่สุดผ่านเข้ารอบต่อไป แต่ในรอบน็อคเอาท์แบบนี้ ทีมชาติที่สร้างความเซอร์ไพรส์ในฟุตบอลโลกหนนี้อย่าง ทีมชาติโมร็อกโกที่ปราบทั้ง ยอดทีมดังในยุโรปทั้ง ทีมชาติเบลเยี่ยม ,ทีมชาติสเปน ,ทีมชาติโปรตุเกส ได้อย่างยอดเยี่ยมก่อนจบทัวร์นาเมนต์ด้วยการจบเป็นอันดับที่สี่ของฟุตบอลโลก ด้วยน้ำมือของโครเอเชียรองแชมป์โลกในฟุตบอลโลกหนก่อนปี 2018 ที่รัสเซีย ทั้งที่ในทีมจะมีผู้เล่นอายุอานามมากมายขึ้นตามวัย นำโดย ลูก้า โมดริช ยอดกองกลางจากสโมสรเรอัล มาดริด
นำเข้าสู่สองทีมสุดท้ายเพื่อช่วงชิงความเป็นหนึ่งในทัวร์นาเมนต์นี้ แชมป์เก่าทีมชาติฝรั่งเศส ผ่านเข้ามาเพื่อป้องกันแชมป์โลก นำโดย คิลิยัน เอ็มบัปเป้ ดาวเด่นประจำทีม ที่ทำไปแล้วก่อน 5 ประตูก่อนเกมส์นัดชิงชนะเลิศ ส่วนผู้ท้าชิงอย่างฟ้าขาว อาร์เจนติน่าที่นำทัพโดย ยอดนักเตะแห่งยุค อย่าง ลิโอเนล เมสซี่ กับความหวังในการคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกในอาชีพการค้าแข้งที่ประกาศก่อนเริ่มทัวร์นาเมนต์ว่าจะเป็นฟุตบอลโลกหนสุดท้ายของเขา
บทสรุปนัดชิงชนะเลิศเป็นหนึ่งในนัดชิงชนะเลิศที่จะอยู่ในความทรงจำไปอีกนานแสนนาน มีถึง 6 ประตูที่เกิดขึ้นในนัดชิงชนะเลิศในช่วงเวลา 120 นาที คิลิยัน เอ็มบัปเป้ ทำแฮตทริกในฟุตบอลโลกได้ แต่ก็ยังไม่สามารถคว้าแชมป์ได้ หลังทัพตราไก่ฝรั่งเศสพ่ายในการดวลจุดโทษ และเป็น ฟ้าขาว คว้าแชมป์ไปได้เป็นสมัยที่สาม และเป็นการสิ้นสุดการรอคอยแชมป์ฟุตบอลโลกสมัยที่สามเป็นเวลาถึง 36 ปี และเป็นฉากจบแบบโรแมนติกเมื่อ กัปตันทีมอย่าง ลิโอเนล เมสซี่ สามารถชูถ้วยขึ้นน่านฟ้าในกรุงโดฮา เป็นโมเมนต์สุดประทับใจในฟุตบอลโลกหนนี้ในมุมมองของทุกสายตาแฟนบอลอย่างแน่นอน
